อัพเดทผลการแข่งขันฟุตบอล HOT!

บาเยิร์น มิวนิคได้สร้างความฮือฮาให้กับแฟนบอลเสือใต้อีกครั้ง โดยคราวนี้ไม่ใช่เป็นเพราะการเซ็นสัญญากับนักเตะซุปเปอร์สตาร์ทว่าเป็นการดึงแข้งขวัญใจแฟนบอลให้กลับมาช่วยงานสโมสรอีกครั้ง อันได้แก่โอลิเวอร์ คาห์นอดีตผู้รักษาประตูคนดังที่จะเข้ามานั่งบอร์ดบริหารสโมสรในช่วงปีหน้า โดยจะทำให้คาห์นมีสัญญาว่าจ้างในถิ่นอารีอันซ์ อารีน่าเป็นเวลา5ปีด้วยกัน ทั้งยังมีข่าววงในกระซิบว่าเจ้าตัวคือตัวเต็งที่จะได้แทนที่คาร์ล ไฮน์ รุมมานิเก้ในตำแหน่งประธานสโมสรคนต่อไปอีกด้วย

โอลิเวอร์ คาห์นสมัยยังเป็นนักเตะนั้นเจ้าตัวคือผู้รักษาประตูขวัญใจของแฟนบอลเสือใต้ผ่านการคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าถึง8สมัย จนถึงขนาดได้รับการขนานนามจากเหล่าแฟนบอลว่า “ คิงคาห์น ” ทว่าเส้นทางหลังจากแขวนถุงมือเจ้าตัวไม่ได้หันมาเอาดีงานด้านโค้ชเหมือนคนอื่นๆ คาห์นเลือกไปศึกษาต่อด้านบริหารธุรกิจจนสำเร็จปริญญาโทในปี2011 และรับงานวิเคราะห์ฟุตบอลตามวาระต่างๆอยู่ประปราย ก่อนจะมารับงานตำแหน่งอันทรงเกียรติจากสโมสรต้นสังกัดในครั้งนี้ โดยเจ้าตัวเริ่มงานกับสโมสรอย่างเป็นทางการในช่วงปีใหม่ของปี2020

คาห์นเป็นปลื้มที่ได้กลับมาร่วมงานกับ บาเยิร์น ย้ำจะทำให้ดีที่สุด

อดีตผู้รักษาประตูที่ติดทีมชาติเยอรมันมาแล้ว86เกมยอมรับถึงโอกาสที่จะได้รับงานในครั้งนี้ “ มันเป็นงานที่ทั้งท้าทายและเป็นเกียรติต่อผมอย่างมาก ผมซาบซึ้งใจที่อูลี่ เฮอเนสเสนอชื่อผมสำหรับโอกาสสำคัญเช่นนี้ ถ้าให้พูดจากใจผมรอคอยวันนี้มาตลอดชีวิต ผมมีประสบการณ์ที่ดีในสมัยค้าแข้งกับบาเยิร์นมิวนิค แต่จากนี้ไปผมคาดหวังว่าจะได้ประสบการณ์ดีๆในฐานะทีมงานที่ส่วนในการบริหารจัดการสโมสร ”

“ แน่นอนผมมีความคุ้นเคยกับสโมสรและแฟนบอล และสิ่งที่ผมเรียนรู้จากที่นี่มาตลอดคือเราต้องมีถ้วยรางวัล ซึ่งเมื่อวันนี้ผมเข้ามาดูแลงานบริหารสิ่งที่ผมต้องการมันขยายวงกว้างมากขึ้นทีมจะต้องได้แชมป์และทำกำไรในเชิงพาณิชย์ไปควบคู่กัน  ในแง่ของเกมฟุตบอลผมอาจจะช่ำชองกับมันแต่ถ้าในแง่การบริหารจัดการผมยังใหม่เอามากๆ แต่มันก็ท้าทายดี ผมตื่นเต้นที่จะได้เจอกับงานใหม่เหล่านี้ ” โอลิเวอร์ คาห์นกล่าวอย่างตื่นเต้น อดีตกัปตันบาเยิร์นมิวนิควัย50กะรัตจะเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารก่อนเพื่อเรียนรู้งาน และทันทีที่คาร์ล ไฮน์ รุมมานิเก้ประธานฝ่ายบริหารหมดวาระลงในปี2021 คาห์นก็จะรับตำแหน่งสูงสุดในบอร์ดบริหารสืบต่อไป

เชลซีเริ่มต้นซีซั่น2019/20ด้วยเครื่องหมายคำถาม ด้วยข้อแม้ที่ไม่อาจซื้อผู้เล่นเพิ่มได้ในขณะที่กุนซือคุมทีมก็มีดีกรีแค่ระดับลีกแชมเปี้ยนชิปเท่านั้น จนบ่อนพนันทั่วเกาะอังกฤษต่างยกให้แฟรงค์ แลมพาร์ดเทรนเนอร์เชลซีเป็นเต็งหนึ่งสำหรับผู้จัดการทีมที่อาจโดนปลดคนแรกของฤดูกาล และหลังผ่านเกมการแข่งขันไปสองเกมพวกเค้าก็ไม่ชนะใครได้เลย(แพ้แมนยู0-4,เสมอเลสเตอร์ซิตี้1-1)เชลซีก็ยิ่งอยู่ในภาวะกดดัน อย่างไรก็ตามในเกมล่าสุดเชลซีก็ร่วมแรงร่วมใจกันบุกไปชนะนอริสได้สำเร็จ3-2 โดยที่มัตเตโอ โควาซิสสามารถทำแอตซิสต์แรกได้จากนี้ได้เช่นกัน

มัตเตโอ โควาซิสแม้จะได้ลงสนามเป็นตัวหลักกับเชลซีอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว ทว่าสถิติผลงานกลับไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเนื่องจากเค้ายิงประตูไม่ได้เลยแถมทำทางให้เพื่อนได้เพียง2ครั้งจากการลงเล่น51เกมในทุกรายการ จนแม้กระทั่งแฟนบอลสิงห์บลูเองก็ยังพูดติดตลกว่าถ้าไม่ใช่เพราะโดนคาดโทษห้ามซื้อขายโควาซิสคงไม่ถูกซื้อขาดมาร่วมทีมอย่างแน่นอน(โควาซิสได้รับการลงทะเบียนเป็นนักเตะเชลซีมาก่อนแล้วตั้งแต่ตอนโดนยืมตัว ทำให้เซ็นสัญญาซื้อเข้าได้ เชลซีจึงต้องเซ็นไว้ก่อน เพราะคนอื่นๆยังเซ็นในเงื่อนไขนี้ไม่ได้)

โควาซิสรับแลมพ์ให้เล่นเกมรุกมากขึ้นจนทำให้ผลงานกับ เชลซี ออกมาดี

แฟรงค์ แลมพาร์ดกุนซือสายเลือดใหม่ของเชลซีเลือกใช้งานมัตเตโอ โควาซิสเป็นตัวหลักในแดนกลาง ทำให้เจ้าตัวได้ลงเล่นในสีเสื้อน้ำเงินครามไปแล้ว300นาที(พรีเมียร์ลีก3นัด2/ยูฟ่าซุปเปอร์คัพ1นัด)ในซีซั่นนี้แล้วก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะมีบทบาทกับทีมมากยิ่งขึ้น “ ปีที่แล้วพวกเราได้แชมป์ยูโรป้าภายใต้แนวทางการเล่นที่อดทน ผมเองถูกจำกัดในการเล่นบอล และแทบจะไม่ได้เติมไปเล่นเกมรุกเลย ซึ่งผมก็ไม่ได้อึดอัดอะไรนะ ทว่าปีนี้ภายใต้โค้ชคนใหม่ มันแตกต่างออกไป ผมเล่นได้อย่างอิสระมากขึ้น ผมสามารถเติมเกมได้ มันทำให้ผมและคนอื่นๆมีความสุข เรารู้สึกได้ว่าโค้ชเชื่อมั่นในตัวเรา นั่นทำให้ผลงานพวกเราออกมาดี ” มิดฟิลด์วัยเบญจเพศกล่าว

” ผมให้ความเคารพซารี่อย่างเต็มที่นะแม้ตอนนี้เค้าจะไม่ได้อยู่กับเรา แต่กับแลมพาร์ดมันเป็นความรู้สึกดีที่เค้าเข้าใจนักเตะมากกว่า เค้ารู้ว่าทำอย่างไรที่จะทำให้เราเล่นฟุตบอลได้อย่างสนุก ไม่น่าแปลกใจเลยที่แฟนบอลเชลซีต่างรักเค้า “ โควาซิสกล่าวทิ้งท้าย

พรีเมียร์ลีกเพิ่งจะเดินทางเข้าสู่โปรแกรมนัดที่สองมันเร็วเกินไปไหมที่มีอย่างแมนซิตี้และสเปอร์สต้องมาดวลกัน จะช้าหรือเร็วก็ตาม แต่ที่แน่ๆเหล่าลูกรักของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า(เทรนเนอร์แมนเชสเตอร์ซิตี้)ทำแต้มหล่นจากแม็ตซ์นี้ไปแล้วสองคะแนน ทั้งยังเป็นความเจ็บช้ำที่มาจากเทคโนโลยีVARเป็นคำรบสอง หลังจากพวกเค้าเคยถูกปฏิเสธประตูในการดวลกับไก่เดือยทองจากการรีเพลย์ภาพช้าของเทคโลยีดังกล่าวจนเป็นเหตุให้ตกรอบในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อซีซั่นก่อน

กระนั้นสื่อในอังกฤษก็ยังชี้ว่าประสิทธิภาพของทีมตราเรือใบนั้นดุดันอย่างน่าพิศวง จนทำนายว่าปีนี้หนังจะฉายวนซ้ำที่แชมป์พรีเมียร์ลีกก็คงไม่พ้นมือเป๊ปอีกครั้ง นั่นมาจากสถิติการสร้างโอกาสยิงประตูของแมนซิตี้ที่มากกว่าสเปอร์ถึงสิบเท่า(30/3) รวมถึงโอกาสสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษสเปอร์สที่สูงถึง52ครั้ง มันมากมายเหลือเกิน แต่คำถามที่น่าสนใจสถิติที่ขี่กันชนิดห่างชั้นนี้ ทำไมจึงลงเอยด้วยการแบ่งแต้ม นี่เป็นสัญญาณที่ดีหรือร้ายกันแน่สำหรับโครตกุนซืออย่างเป๊ป กวาร์ดิโอล่า

แมนซิตี้ ครองบอลเยอะกว่าไม่ได้แปลว่าชนะ เซอร์อเล็กเคยให้บทเรียนกับอาร์เซนอลมาเเล้ว

เหมือนหลายสิบปีก่อนเมื่อครั้งที่อาร์เซนอลก้าวขึ้นมาท้าทายบารมีของแมนยู ทีมปืนใหญ่ภายใต้การทำทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ก็เคยใช้ฟุตบอลในสไตล์ที่เน้นการต่อบอล(แต่เพรซซิ่งไม่ดุเท่าแมนซิตี้) แม้ในช่วงแรกบอลสไตล์นี้จะสร้างปัญหาให้กับเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสันเป็นอย่างมาก ทว่าเพียงไม่นานเมื่อกุนซือชาวสก็อตจับจุดได้การต่อบอลที่สวยงามของอาร์เซนอลก็โดนทำลายในอีกไม่กี่ปีต่อมา โดยนักเตะปีศาจยุคนั้นยืนยันว่าเฟอร์กี้มีแนวคิดว่ายิ่งครองบอลมากก็ยิ่งมีโอกาสผิดพลาดมากเช่นกัน ฉะนั้นแมนยูก็ใช้สูตรเกลือจิ้มเกลือนี้ในการทำลายเกมของคู่แข่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าการครองแบบชนิดมากเกินจำเป็นของทีมเรือใบอาจไม่ใช่สูตรสำเร็จที่จะนำทีมไปสู่การเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่สาม

การได้จับบอลในเขตโทษถึง52ครั้งแต่แปลเป็นสกอร์ได้เพียงสองลูกแท้จริงแล้วนี่คือลางบอกเหตุไปยังทีมตราเรือใบแล้วว่าพวกเค้าอาจกำลังหมกหมุ่นกับสไตล์บอลเฉพาะตัวมากจนเกินไป โดยก่อนหน้าหลุยส์ ฟาลกัลก็เคยออกมาตำหนิเป๊ปเช่นกันว่าไม่ทำการบ้านกับทีมคู่แข่งและยังใช้ยุทธวิธีแบบเดิมๆในการเข้าทำ ซึ่งใช้ไม่ได้กับการต่อสู้ในเวทียุโรปจนทำให้นายใหญ่ชาวสเปนไม่เคยได้ชูถ้วยUCLอีกเลยนับตั้งแต่แยกทางกับบาร์เซโลน่าในปี2012 และตอนนี้สเปอร์สก็แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วว่าพวกเค้าสู้กับแมนซิตี้ได้สบายแถมยังถีบทีมของเป๊ปหล่นจากตำแหน่งจ่าฝูงอีกต่างหาก

อาร์เซน่อลปิดตลาดซื้อ-ขายนักเตะ ปีนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะมีงบการเสริมทัพเพียง 45 ล้านปอนด์ แต่ อูไน เอเมอรี่ กุนซือใหญ่สามารถเลือกผู้เล่นเข้าทีมมาอย่างชาญฉลาด ทั้ง นิโกล่าส์ เปเป้, ดาวิด ลุย์ และ คีแรน เทียร์นีย์ ที่มีราคาค่าตัวรวมกันถึง 143 ล้านปอนด์ แต่หากดูตัวเลขที่เจาะลึกลงไปอาร์เซน่อลใช้เงินซื้อนักเตะไม่มากในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยดึง นิโกล่าส์ เปเป้ เข้ามาร่วมทีมด้วยค่าตัวเป็น สถิติสโมสร ที่ 72 ล้านปอนด์ แต่พวกเขาแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ โดยรอบแรกจ่ายที่ 20 ล้านปอนด์ และแบ่งจ่าย 13 ล้านปอนด์ อีก 4 งวด เช่นเดียวกับ วิลเลี่ยมส์ ซาลิบา ที่ทีมจ่ายเพียง 5 ล้านปอนด์ ก่อนจะแบ่งจ่ายอีก 4 งวด ส่วน คีแรน เทียร์นีย์ จ่ายที่ 10 ล้านปอนด์ในรอบแรก ก่อนจะทะยอยจ่ายเพิ่มอีก 2 รอบ และ ดาวิด ลุยซ์ ที่ทีมดึงมาร่วมทีมเป็นรายสุดท้าย อาร์เซน่อล แบ่งจ่ายค่าตัวเขาเพียง 4 ล้านปอนด์ และจ่ายอีกครั้ง 4 ล้านปอนด์ทั้งนี้ เท่ากับว่า ในซัมเมอร์ปีนี้

อาร์เซน่อลจ่ายเงินซื้อนักเตะไป 39 ล้านปอนด์ ซึ่งหากอาร์เซน่อลมีเงินช็อปซื้อนักเตะในปีนี้เพียง 45 ล้านปอนด์ตามที่ข่าวรายงาน เท่ากับว่าเงิน 39 ล้านปอนด์ที่จ่ายงวดแรกในปีนี้พวกเค้าใช้ไม่เกินงบประมาณ

อเล็กซ์ อิโวบี้ เผยเหตุผลบอกลา อาร์เซน่อล

ล่าสุด อิโวบี้ เผยถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้บอกลา อาร์เซน่อลมาอยู่ เอฟเวอร์ตัน โดยระบุว่าตนเหลืออดแล้วกับการลงสนามแบบกระปริดกระปรอย และมั่นใจว่าจะสามารถยืนหยัดด้วยขาของตัวเองและสร้างชื่อเต็มๆ ในพรีเมียร์ลีกได้สักที อเล็กซ์ อิโวบี้ ปีกตัวจี๊ดคนใหม่ของ เอฟเวอร์ตัน เปิดปากชี้ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้เลือกเก็บข้าวของอำลาอาร์เซน่อลโดยระบุว่าตนอายุ 23 ปีแล้ว และกระหายที่จะลงสนามอย่างต่อเนื่องมาตลอดแต่ทัพ “ปืนใหญ่” ก็ยังไม่ไว้ใจใช้งานอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งตนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าตนฝีเท้ายอดเยี่ยมขนาดไหนกับทัพ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” อิโวบี้ ที่มา เอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ กล่าวว่า “มันเป็นข้อเสนอที่ยั่วยวนใจเกินกว่าที่ผมจะปฏิเสธ ผู้จัดการทีมบอกกับผมว่ามันมีตำแหน่งว่างให้ผมได้ลงเล่น และสร้างความมั่นใจให้ผมว่าผมจะทำได้ดีอย่างแน่นอน และตอนนี้ผมก็พร้อมแล้วสำหรับความท้าทายครั้งใหม่ก่อนหน้านี้

ผมคือผู้เล่นที่เหมือนติดแบรนด์ อาร์เซน่อล มาอย่างยาวนาน ฉะนั้น ผมหวังว่าการย้ายทีมในครั้งนี้จะทำให้ผมสร้างชื่อด้วยตัวเองได้จริงๆ และร่วมสร้างเรื่องราวกับ เอฟเวอร์ตัน ไปด้วยกัน” จากบทสัมภาษณ์ อิโวบี้ สาเหตุหลักที่ อิโวบี เลือกย้ายทีมนั่นก็เพราะโอกาสการลงสนามอย่างต่อเนื่อง และมิอาจที่จะปฏิเสธข้อเสนอที่เอฟเวอร์ตันหยิบยื่นให้นั่นเอง

ด้วยความที่มีภารกิจรับใช้ทีมชาติอาร์เจนติน่าในศึกโคปา อเมริกาก็เลยทำให้ลีโอแนล เมสซี่ได้รับสิทธิพิเศษในการกลับเข้าแคมป์เก็บตัวบาร์เซโลน่าช้ากว่าเพื่อนๆ ทว่าแทนที่จะได้เริ่มซ้อมกับทีมอย่างปกติก็กลายเป็นว่าดาวเตะฟ้าขาวมีอันต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บแทน เมื่อเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บระหว่างการลงซ้อมส่งผลให้เมสซี่จะไม่ได้อยู่ในทีมบาซ่าชุดที่จะเดินทางไปอุ่นเครื่องที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอนแล้ว

บาซ่าแถลง เมสซี่ เจ็บไม่หนักแต่ให้พักเพื่อไว้เน้นประเดิมลาลีก้า

เจ้าบุญทุ่มแห่งสเปนแถลงการผ่านสโมสรถึงการไม่ส่งตัวเมสซี่ร่วมเดินทางไปกับทีมในครั้งนี้ “ แฟนบอลที่สหรัฐอเมริกาอาจต้องผิดหวังเล็กน้อยที่จะได้เห็นผลงานของเมสซี่ในสนาม แพลนเดิมคือเค้าน่าจะเริ่มซ้อมเบาๆได้แล้วเดินทางไปกับทีม แต่เราได้รับรายงานว่าเค้าได้รับบาดเจ็บในระหว่างการฝึกซ้อม ผลการสแกนพบกว่าเค้ามีปัญหาที่บริเวณน่อง เราจึงให้เค้าได้พักรักษาตัวที่สเปน เรายังหวังว่าเค้าจะกลับมาฟิตทันก่อนเปิดฤดูกาล ” นอกจากนี้ในรายงานยังระบุว่าดาวเตะวัย32ปีจำเป็นต้องได้พักอย่างน้อย1-2สัปดาห์ซึ่งบาร์เซโลน่าจะเปิดฤดูกาล2019/20ด้วยการบุกไปเยือนแอตเลติก บิลเบาในวันที่17ส.ค.นี้

ลีโอแนล เมสซี่ มีอาการน่องตึงระหว่างการซ้อม จนทำให้ทีมแพทย์ต้องเข้ามาดูอาการเป็นการด่วน อย่างไรก็ตามเออร์เนสโต บัลเบร์เด้ก็คงไม่ห่วงเรื่องนี้มากนักเมื่อในทีมยังคงมีอุสมาน เดมเบเล่,อองตวน กรีซมันน์ และฟิลิปเป้ คูตินโญ่ไว้เป็นทางเลือกทดแทน และผลงานในช่วงปรีซีซั่นที่ลงแข่งโดยไร้เงาเมสซี่ก็จัดว่าน่าประทับใจเมื่อทัพอัลซูนกราน่าเพิ่งจะแพ้ไปแค่เกมเดียวเท่านั้น(ชนะ2แพ้1) ฉะนั้นต่อให้เมสซี่ยังฟิตไม่ทันนัดเปิดฤดูกาลเชื่อว่าบาซ่าก็น่าจะเก็บชัยชนะเพื่อปูทางสู่การลุ้นแชมป์ลาลีก้าสมัยที่สาม

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บาซ่าค่อนข้างเบาใจกับเรื่องนี้ เนื่องจากพวกเค้ากำลังตกเป็นข่าวที่จะดึงตัวเนย์มาร์สตาร์ของเปเอสเชกลับมาร่วมทีมเป็นคำรบสอง ภายหลังจากที่ดาวยิงแซมบ้าแสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่ขอค้าแข้งกับเปเอสเชอีกต่อไป และไม่มีชื่อในทีมชุดที่เอาชนะแรนส์ไปได้2-1 ในศึกเดส์ ช็องปิยงส์ จนถึงขนาดมีการแซวกันรุนแรงว่าเอ็มปั๊ปเป้เองถึงกับผลักตัวเนย์มาร์ไม่ให้เข้ามาร่วมถ่ายภาพในขณะที่ทีมกำลังฉลองแชมป์อีกด้วย

ถ้าจะนึกถึงนักฟุตบอลที่เอาแต่ใจเป็นที่สุดในยุคปัจจุบันก็ต้องยกให้คนนี้เลยเนย์มาร์เพราะยามนี้พี่แกเริ่มกลับมาโชว์ความงองแงด้วยการตั้งแง่ไม่ขอลงเล่นให้ต้นสังกัดอย่างปารีส แซงต์แชร์กแมงอีกต่อไป เพื่อหวังให้ต้นสังกัดจะยอมปล่อยตัวกลับไปลงเล่นกับบาร์เซโลน่าเป็นคำรบสอง โดยนับแต่เตรียมทีมปรีซีซั่นดาวเตะแซมบ้าแทบจะไม่ได้ร่วมซ้อมกับทีมเลยและไม่มีชื่อในเกมนัดชิงแชมป์โทรเฟ่ เดส์ ช็องปิยงส์ที่ผ่านมาอีกต่างหาก

เปเอสเชดึงเชงถ้าข้อเสนอไม่ปัง เนย์มาร์ ก็ต้องทนเล่นในลีกเอิงต่อไป

เปเอสเชโครตทีมแห่งลีกเอิงได้ตั้งค่าตัวของเนย์มาร์ไว้ราว300ล้านยูโรทว่าบาร์เซโลน่ากลับยื่นข้อเสนอเพียง100ล้านยูโรบวกกับฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวคงไม่ดึงดูดใจพอให้เลโอนาร์โด้ผู้อำนวยการกีฬาของเปเอสเชยอมเปิดโต๊ะเจรจาด้วย เพราะดาวยิงแซมบ้ายังคงเหลือสัญญากับทีมไปจนกระทั่งปี 2022 อีกทั้งพวกเค้าไม่มีปัญหากับการที่ต้องขายสตาร์เพื่อหาเงินเข้าสโมสรอีกต่างหาก

เนย์มาร์ยังไม่มีส่วนร่วมกับการเตรียมทีมปรีซีซั่นเลยนับแต่เค้ากลับมายังสโมสร ว่ากันว่าเจ้าตัวขอแยกซ้อมเดี่ยวเพื่อเป็นการบอกกับต้นสังกัดอย่างเป็นนัยว่าไม่ต้องการที่จะลงเตะให้กับปารีส แซงต์แชร์กแมงอีกแล้ว ทว่าต้นสังกัดก็ตอกกลับเช่นกันว่าหากไม่มีข้อเสนอที่น่าพึงพอใจก็จะไม่มีการเปิดโต๊ะเจราจา และดาวเตะวัย27 ปีก็จะต้องอยู่กับทีมต่อไปไม่ว่าเค้าจะมีความสุขหรือไม่ก็ตาม

ก่อนหน้านี้เนย์มาร์ก็เคยทำงามหน้าในลักษณะเดียวกันกับบาร์เซโลน่ามาแล้ว โดยในเวลานั้นเจ้าตัวก็ทำทุกทางที่จะไม่ยอมลงเล่นให้ทีมเจ้าบุญทุ่ม จนในที่สุดบาซ่าก็จำใจต้องปล่อยตัวเค้าให้เปเอสเชด้วยค่าตัว222ล้านยูโร ทว่าภายหลังจากเจ้าตัวได้ย้ายมาค้าแข้งในปารีส ชีวิตในฝรั่งเศสของเค้าก็ดูจะไม่ค่อยราบรื่นนัก เพราะตลอด2ปีที่ผ่านมาเนย์มาร์เพิ่งได้ลงสนามไปเพียง58นัด(แม้จะยิงได้ถึง 51 ประตู)นั่นเพราะเค้ามีอาการบาดเจ็บรายล้อมอยู่ตลอด อีกทั้งต้องเจอปัญหานอกสนามอีกมากมาย ว่ากันว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เนย์มาร์มีปัญหาทางสภาพจิตใจและตั้งใจที่อยากกลับไปใช้ชีวิตในสเปนอีกครั้ง โดยมีบาร์เซโลน่าที่พร้อมอ้าแขนรับกลับไปช่วยทีมอยู่แล้วเช่นกัน แต่ยังติดขัดที่เงื่อนไขการซื้อขายที่บาซ่าต้องการจ่ายเงินบางส่วนบวกกับตัวผู้เล่นมาให้ในขณะที่เปเอสเชพร้อมจะขายขาดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ทั้งที่ก่อนหน้าไม่นานข่าวคราวความหมางเมินระหว่าง แกเร็ธ เบล และซีนาดีน ซีดานเพิ่งจะโหมกระหน่ำได้ไม่เท่าไร แต่ภายหลัง ซีดาน พาทีมอุ่นเครื่องพ่ายแพ้ต่อแอตเลติโก้ มาดริดไปอย่างหมดรูป 3-7 เนื่องจากผลงานเกมรับในเกมดังกล่าวที่เรียกได้เต็มปากว่าดูไม่จืดก็เลยกลายเป็นกระแสตีกลับไปตั้งคำถามถึงค่าตัวของ เอแด็น อาซาร์ ที่สูงลิบแต่ก็ยังทำผลงานได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ในขณะที่ แกเร็ธ เบล ที่มีฟอร์มการเล่นปรีซีซั้นที่พอใช้ได้แต่ก็ยังคงไม่มีชื่อใน 11 ผู้เล่นตัวจริงในเกมอัปยศดังกล่าวเช่นเดิม

ซีดานนายใหญ่ รีลมาดริด ไม่ขอแก้ตัวพร้อมกำชับจะไม่พลาดแบบนี้ในศึกลาลีก้า

ซีนาดีน ซีดาน ถูกดึงกลับมากู้วิกฤตในทีม รีล มาดริด อีกครั้งเมื่อกลางซีซั่นก่อนกระนั้นก็ไม่อาจช่วยกู้สถานการณ์ได้มากนักเมื่อทีมจบในศึกลาลีก้าด้วยการมีแต้มตามหลังบาเซโลน่าทีมคู่ปรับตลอดกาลถึง 19 คะแนน โดยแฟนบอลชุดขาวต่างตั้งความหวังว่าทัพราชันย์จะกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ได้อย่างเต็มตัวในซีซั่นนี้ ทว่าผลงานในการเตรียมทีมปรีซีซั่นกลับสวนทาง เมื่อผ่านมาแล้ว 3 นัด ซีดานยังไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลย แถมผลงานเกมรับก็เข้าขั้นวิกฤตมากเมื่อเสียประตูไปถึง 12 เม็ด

โดยเฉพาะในนัดล่าสุดที่จบครึ่งแรกด้วยการตามหลังทีมตราหมีถึง 0-5 “ ผลงานในสนามมันบ่งบอกทุกอย่าง เราปล่อยให้พวกเค้าเล่นง่าย เราขาดความกระตือรือล้นแม้สกอร์เราจะตามหลังอยู่ เราคือทีมคุณภาพ เราต้องรักษามาตรฐานระดับสูงเอาไว้ในทุกๆนัด เราไม่สมควรมีข้อผิดพลาดแบบนี้ได้ แต่วันนี้เราก็ต้องยอมรับมัน และก้าวข้ามมันไปให้ได้ ”

“มันเป็นเรื่องช็อคสำหรับแฟนบอลของเราอย่างแน่นอน แต่เรายังมองไปข้างหน้าว่าเรายังมีเวลาปรับจูนทีม หวังว่าเกมอุ่นเครื่องที่เหลือจะทำให้เรากลับมามั่นใจได้อีกครั้ง แน่นอนว่าในเกมนัดเปิดฤดูกาลกับเซลต้า บีโก้ เราพลาดง่ายๆแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ” กุนซือวัย 47 ปีกล่าวอย่างมุ่งมั่น ทว่าก็ยังมีแฟนบอล รีล มาดริด จำนวนไม่น้อยหวังว่าบางทีวิกฤตสำคัญนี้อาจะเป็นโอกาสที่จะทำให้ แกเร็ธ เบล ได้กลับมาเป็นตัวหลักของทีมอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้เป็นที่ชัดเจนว่า ซีดาน ได้ตัดทางปล่อยวัดปีกชาวเวลส์ไปแล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวว่าทีมดังจากสเปนพร้อมพิจารณาปล่อยให้ทีมในลีกจีนยืมตัวไปใช้งานแทน ทว่ภายหลังจากเกมอุ่นเครื่องอัปยศก็ทำให้ รีล มาดริด พับโปรเจกนี้ไว้แล้วเก็บตัว เบล เอาไว้ช่วยทีมต่อไป